วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ลดน้ำหนักด้วยมหัศจรรย์ของถั่วขาว



มหัศจรรย์ของถั่วขาว
นปัจจุบัน ได้เริ่มมีการพูดถึงวิธีการลดน้ำหนักโดยใช้สารสกัดจากพืช ผัก ผลไม้จากธรรมชาติเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งนักค้นคว้าพยายามวิจัยหาส่วนประกอบของสารที่ช่วยในการลดน้ำหนักมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเห็นว่าที่จริงแล้ว บรรดาพืชผักใกล้ตัวที่เรามองข้ามไป ก็มีหลายอย่างที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดน้ำหนัก สำหรับบทความในวันนี้ ก็จะขอพาคุณสาวๆไปรู้จักกับพืชใกล้ตัวอีกชนิดหนึ่ง ที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างน่ามหัศจรรย์ เจ้าพืชดังกล่าวก็คือ ถั่วขาวลดน้ำหนัก นั่นเอง
ถั่วขาว พืชสารพัดประโยชน์
       ถั่วขาว เป็นหนึ่งในพืชตระกูลถั่ว มีต้นกำเนิดในแถบประเทศแมกซิโก กัวเตมาลา สามารถเติบโตได้ในที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ซึ่งในประเทศไทยเพิ่งมีการนำมาทดลองปลูกได้ไม่นานนัก ถั่วขาวที่มีประโยชน์มากมายหลายอย่าง อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ อาทิเช่น โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และมีใยอาหารสูงทำให้รู้สึกอิ่มได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่พิเศษที่เป็นที่รู้จักกันดีว่า ถั่วขาวลดน้ำหนักของคุณสาวๆให้น้อยลงได้
แปลงปลูกต้นถั่วขาว
ถั่วขาวลดน้ำหนักได้อย่างไร
      สารสกัดในถั่วขาว คือ ฟาซีโอลามิน (Phaseolamin) ที่มีคุณสมบัติสำคัญในการยับยั้งการทำงานของเอลไซม์ แอลฟา-อะไมเลส (Alpha – amylase) ซึ่งทำหน้าที่ในการย่อยสลายแป้งให้เล็กลงจนกระทั่งกลายเป็นน้ำตาลหลายโมเลกุล (Oligosacckaride) หรือ น้ำตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharide) เมื่อแป้งผ่านกระบวนการเหล่านี้แล้ว จึงจะเข้าไปสู่กระบวนการย่อยสลายจนกลายเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว และถูกดูดซึมเข้าสู่ลำไส้ในท้ายที่สุด สารสกัดจากถั่วขาว จะเข้าไปทำการยับยั้งกระบวนการย่อยสลายดังกล่าว ทำให้การย่อยสลายแป้งใช้ระยะเวลานานขึ้น หรือถูกย่อยสลายได้น้อยลง ทำให้แป้งเหล่านั้นโดยส่วนใหญ่ถูกขับออกจากทางร่างกายทางอุจาระมากขึ้น เมื่อร่างกายได้รับแป้งน้อยลง ทำให้น้ำหนักตัวลดน้อยลงตามไปด้วย หากกล่าวอย่างง่ายๆก็คือ ถั่วขาวจะช่วยจัดการกับคาร์โบไฮเดรตที่เกินความจำเป็นต่อร่างกายนั่นเอง ช่วยลดการสะสมของไขมันใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น เนื่องจากมีปริมาณของใยอาหารในถั่วขาวที่สูงมากนั่นเอง
คุณสาวๆบางคนอาจจะสงสัยว่า สิ่งที่ทำให้เกิดความอ้วนไม่ใช่เฉพาะไขมันหรอกหรือ แต่ที่จริงแล้วการรับคาร์โบไฮเดรตที่แฝงตัวมากับอาหารในมื้อต่างๆ เช่น ข้าว ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย เป็นต้น ถ้าหากได้รับในปริมาณที่มากจนเกินความจำเป็น ก็จะส่งผลให้เกิดความอ้วนได้ไม่แตกต่างไปจากการรับประทานไขมันเลย ถ้าหากต้องการควบคุมน้ำหนักจริงๆ จึงจำเป็นที่จะต้องควบคุมปริมาณของคาร์โบไฮเดรตด้วย เมื่อร่างกายได้รับพลังงานจากการเผาผลาญแป้งได้น้อยลงจนไม่เพียงพอต่อความต้องการ ร่างกายก็จะมีการดึงเอาไขมันที่สะสมอยู่ภายในร่างกายออกมาใช้มากขึ้น ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำหนักลดลง 
การรับประทานถั่วขาวเพื่อลดน้ำหนัก
       ในปัจจุบันถั่วขาวลดน้ำหนัก ในรูปแบบของสารสกัดจากถั่วขาว ได้รับการยอมรับนำไปผสมกับเครื่องดื่ม อาหาร และอาหารเสริมต่างๆ เพื่อใช้ในการควบคุมน้ำหนักกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ถ้าหากต้องการทาถั่วขาวเพื่อลดแป้งให้เป็นน้ำตาลนั้น จะต้องทานในปริมาณ 500 มิลลิกรัม ต่อวัน ดังนั้นสำหรับคุณสาวๆที่อยากซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากถั่วขาว ก็ควรที่จะตรวจดูปริมาณส่วนประกอบของถั่วขาวด้วย
       และใน Balance S มีส่วนผสมของ ถั่วขาวสกัดหรือ White Kidney Bean Extract ถึง 50 มิลลิกรัม ที่สามารถยับยั้งเอมไซม์ Amylase ที่เป็นเอมไซม์ที่สามารถเปลี่ยนแป้งและน้ำตาล ไปเป็นโมเลกุลเล็กๆทำให้เรารับประทานเข้าไปแล้ว ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น รับประทานอาหารน้อยลง ช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงได้
รีวิวสินค้าจากผู้ใช้ ผลิตภัณฑ์ Balance
หากสนใจสินค้าสามารถสั่งซื้อได้ ที่นี่

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

แอล-กลูต้าไธโอน มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด


หลายๆ คนคงรู้จักสารต้านอนุมูลอิสระมาบ้างแล้ว แต่ทราบไหมคะว่าสาร แอล-กลูต้าไธโอน ที่เข้าใจกันว่าช่วยในเรื่องของผิวให้ขาว สว่างใสนั้น มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด

แอล-กลูต้าไธโอน (L-Glutathione) เป็นสารประเภท Tripeptide ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิดค่ะ ได้แก่ Cysteine (ซิสเทอีน), Glycine (ไกลซีน) และ Glutamic acid (กลูตามิกแอซิต) พบมากที่ตับของมนุษย์ ซึ่งประโยชน์ของแอล-กลูต้าไธโอนนั้นมีมากมายเลยทีเดียว เพราะแอล-กลูต้าไธโอนเป็นกรดอะมิโนที่สำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน สาเหตุของการเกิด กระ ฝ้า และจุดด่างดำค่ะ ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์และช่วยสร้างเอนไซม์ชนิดต่างๆ ในร่างกายของเราด้วย

ผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
นอกจากนี้ ยังมีวิตามินอี วิตามินซี เบต้าคาโรทีน ฯลฯ ที่เป็นสารต้าน อนุมูลอิสระ หรือมีอีกชื่อว่า Antioxidant พบว่า เบต้าคาโรทีนมีมากในผักผลไม้บางชนิด เราจึงควรทานให้มากขึ้น ซึ่งอาหารที่มีเบต้าคาโรทีนสูง ได้แก่ ผักใบเขียว ผัก ผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น มะละกอสุก มะม่วงสุก มะเขือเทศ ฟักทอง อาหารที่ให้วิตามินซีสูง คือ พืชผักสีเขียวและผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ตำลึง ผักบุ้ง พริกหยวก ส้ม มะนาว สัปปะรด เป็นต้น ส่วนวิตามินอี พบในน้ำมันพืชต่างๆ ค่ะ


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าร่างกายสามารถผลิต กลูต้าไธโอนได้เองหรือรับจากอาหารจำพวกผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ แต่สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน อาทิ แสงแดด มลภาวะ ฝุ่น ควัน ความเครียด รังสีแกมม่า ยาบางชนิด เช่น Doxorubicin, Penicillamine, paracetamol, CCl4 เป็นต้น ทำให้ร่างกายได้รับกลูต้าไธโอนไม่เพียงพอค่ะ แล้วจะทำอย่างไรดี???

สวยปลอดภัยด้วย Balance W

Balance W กลูต้าไธโอนในรูปแบบของ Oxidized form ทนทานต่อกรดและฤทธิ์การทำลายของน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร จึงสามารถคงตัวอยู่ได้นาน ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เกือบทั้งหมดให้ผลใกล้เคียงกับการฉีด 💉 ทำให้ผิวขาวใส กระจ่างใส ผิวหน้าสว่างใส กระฝ้า รอยสิว จางลงอย่างเห็นได้ชัด ดูดซึมดีกว่ากลูต้าไธโอนทั่วไปมากกว่า 10 เท่า คัดสรรกลูต้า พรีเมี่ยมเกรด จากประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ 
ทานง่าย ห๊อมหอมกลิ่นแคนตาลูปญี่ปุ่น🍈🍈🍈
📍แบรนด์แรกในเมืองไทย ที่ใช้นวัตกรรมชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
🔑เลขที่ อย.11-1-1154-1-0350

ต้องการสั่งสินค้าหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติม เข้ามาดูได้  >> ที่นี่


วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ประโยชน์ของ L-Canitine

แอล-คาร์นิทีน ทำงานอย่างไร?
ช่วยลดน้ำหนัก ขจัดไขมันส่วนเกิน ช่วยให้หุ่นฟิต เฟิร์ม สัดส่วนสวยงาม

การลดความอ้วน โดยการอดอาหารเพียงอย่างดียวนั้น 25-30% ของน้ำหนักที่ลดลงจะเกิดจากการสูญเสียน้ำ สูญเสียมวลกล้ามเนื้อและมวลกระดูกมากกว่าที่ไขมันจะลดลง การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและมวลกระดูก จะทำให้สุขภาพอ่อนแอและความแข็งแรงของร่างกายต่ำลง หลักฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ชี้ให้เห็นว่า การเสริม “แอล-คาร์นิทีน” จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงานและช่วยการสร้างมวลกล้ามเนื้อ  ทำให้น้ำหนักลด กล้ามเนื้อฟิตกระชับ รูปร่างได้สัดส่วนสวยงาม และยังช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกายแข็งแรง สดชื่นกระฉับกระเฉ

แอล-คาร์นิทีนช่วยลดน้ำหนักและกระชับสัดส่วนโดยมีกลไกการออกฤทธิ์ 7 ขั้นตอนดังนี้

  1. เร่งพาไขมัน เข้าสู่ไมโตคอนเดรีย เพื่อเผาผลาญให้เป็นพลังงาน
  2. ลดขบวนการสลายตัวของกลูโคสเป็นพลังงาน  สร้างพลังงาน
  3. กระตุ้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อ
  4. ลดการสลายตัวของมวลกล้ามเนื้อ
  5. เพิ่มปริมาณของ Mitochondrial free CoA ทำให้วงจรการผลิตหลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  6. ช่วยเพิ่มการขนถ่ายอีเลคตรอนเพื่อให้เกิดพลังงาน
  7. เพิ่มการนำกลูโคสไปเลี้ยงเซลล์สมอง ทำให้เกิดปฏิกิริยาอัตโนมัติหยุดความรู้สึกหิวและอยากอาหาร และเพิ่มอัตราการเผาผลาญขณะยามพักของร่างกาย จึงช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่น  กระฉับกระเฉง

ผลลัพท์ในการลดน้ำหนักและสัดส่วนของ แอล-คาร์นิทีน

  1. เพิ่มการเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงาน สลายไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณต่าง ๆ เช่น หน้าท้อง รอบเอว สะโพก ต้นขา ต้นแขน ฯ
  2. ลดการสะสมของไขมันใหม่ ช่วยลดน้ำหนัก ให้หุ่นผอมเพรียว
  3. ลดน้ำหนัก  ลดดัชนีมวลกาย (BMI)
  4. เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง รูปร่างจึงฟิตเฟิร์ม กระชับ
  5. ป้องกันการสลายของมวลกล้ามเนื้อ ทำให้สามารถรักษารูปร่างที่ดีไว้ได้โดยไม่กลับมาอ้วนใหม่ได้ง่าย
  6. ช่วยลดความหิวและความอยากอาหารหวาน
  7. ช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย ทำให้รู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง
การใช้แอล-คาร์นิทีนในการลดน้ำหนัก จะเห็นผลลัพท์ที่ชัดเจนรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เมื่อใช้ร่วมกับโปรแกรมการลดน้ำหนักที่ลดหรือจำกัดปริมาณแป้งและน้ำตาลที่รับเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากร่างกายจะได้รับพลังงานจากแป้งและน้ำตาลลดน้อยลง และจะเปลี่ยนมาใช้การเผาผลาญพลังงานจากไขมันเพิ่มขึ้น การลดน้ำหนักจึงได้ผลมากขึ้น

สำหรับคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายหรือต้องการคุมน้ำหนัก ให้ Balance - S เป็นอีกทางเลือกของคุณ เพราะ ใน 1 แคปซูล มี ส่วนผสมของ L - Carnitine ถึง 150 มิลลิกรัม จึงเหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือ ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก อย่างยิ่ง เมื่อน้ำหนักลดลงจนถึงจุดที่พอใจแล้วสามารถหยุดรับประทานได้โดยจะไม่โยโย่กลับมาอ้วนอีก  ไม่มีผลกระทบเพราะ Balance ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ จึงปลอดภัยไร้ผลข้างเคียงแน่นอน  หากท่านใดสนใจสินค้าสามารถเข้ามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่



วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อาหารบำรุงสมองและระบบประสาท

อาหารบำรุงสมองและระบบประสาท 
พอจะแบ่งออกได้เป็นยาและวิตามินกับอาหารธรรมชาติ 
ก่อนอื่นขอพูดถึงอาหารธรรมชาติก่อน เพราะอาหารกลุ่มนี้จะมีคุณค่าสูงทางโภชนาการ และมียาและวิตามินอยู่ในอาหารเหล่านี้ด้วยและข้อ
สำคัญเป็นอาหารที่หาได้ง่ายในท้องตลาดและ
ราคาไม่แพงมากเกินไป และวิตามินที่มีประโยชน์

ต่อการบำรุงสมองได้แก่








Folic Acid 

มีอยู่ในผักเขียวจัดทุกชนิด แครอต ตับ ไข่แดง แคนตาลูป ฟักทอง อะโวคาโด ถั่วแดง-ดำ-เหลือง และข้าวซ้อมมือ
อาหารต่างๆที่มี Folic Acid

Niacin 
มีอยู่มากใน จมูกข้าว เมล็ดฟักทอง ไข่นม มัสตาร์ดผง
ในหมู่ธัญพืชจะมี Niacin อยู่มากมาย

Potassium
มีอยู่ใน ส้ม ส้มโอ แคนตาลูป มะเขือเทศ แห้ว ผักใบเขียว สาระแหน่ กล้วยน้ำว้า มันเทศ มันฝรั่ง


Kelp 

คือ ต้นไม้ทะเล เกลือแร่ที่ต้องการจาก Kelp คือ ไอโดดีน สาหร่ายทุกชนิดก็ใช้ได้


Tryptophan 

มีอยู่ใน นม เนื้อสัตว์ ปลา กล้วย อินทพลัม ถั่วลิสง




Phenylalanine 

มีอยู่ในถั่วเหลืองและผลิตผลจากถั่วเหลือง เนื้อสัตว์ หอย กุ้ง ถั่วอัลมอนต์ ถั่วลิสง งา เมล็ดฝักทอง

B1 , B6 , B12

 มีอยู่ในข้าวซ้อมมือ ข้าวสาลีไม่ขัดขาว จมูกข้าว ตับ แคนตาลูป นม ไข่




จะเห็นว่าอาหารบางอย่างมีทั้งตัวยา วิตามินแร่ธาตุครบ เช่น ข้าวซ้อมมือ นอกจากจะมีสารอาหารครบหมู่แล้วยังมีทั้Folic Acid Niacin Zinc B1 B6 และ DNA/RNAและแร่ธาตุอื่นๆเกือบจะครบถ้วน

เมื่อรู้แล้วอาหารอะไรบ้างที่ช่วยบำรุง เพื่อนๆก็อย่าลืมหาซื้อมากินเพื่อบำรุงสมองกันนะจ๊ะ

ติดตามข่าวสารและข้อมูลดีๆได้ ที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

น้ำตาลในน้ำหวานทำชีวิตคุณไม่ Balance

ใครที่กำลังฺ Balance ความอ้วนด้วยการใช้วิธีควบคุมอาหารมานานแสนนาน แต่พอลองไปชั่งน้ำหนักกี่ที ๆ เข็มบนตาชั่งก็ไม่กระดิกลงสักที ลองสำรวจตัวเองด้วยค่ะว่า คุณได้ลดการบริโภค "น้ำตาล" ด้วยหรือเปล่า?
          นั่นเพราะ "น้ำตาล" ตัวการของความอ้วนที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของคุณนี่ล่ะคะ ที่ทำให้รอบเอวของคุณขยายออกแบบขัดใจกับความพยายาม Balance น้ำหนักเสียจริง โดยมีข้อมูลระบุว่า ได้กำหนดให้ปริมาณน้ำตาลไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของปริมาณพลังงานที่ได้รับใน 1 วัน เพื่อสุขภาพที่ดี ใน 1 วันเราควรทานน้ำตาลไม่เกิน 4, 6 และ 8 ช้อนชา สำหรับผู้ต้องการพลังงาน 1600, 2000 และ 2400 กิโลแคลอรี  (หรือผู้หญิงไม่ควรเกิน 4 ช้อนชา, ผู้ชายไม่ควรเกิน 6-8 ช้อนชา) ซึ่งเท่ากับประมาณร้อยละ 5 โดยเฉลี่ย โดยส่วนที่เหลือได้เผื่อไว้สำหรับน้ำตาลที่ได้รับจากอาหารอื่นซึ่งไม่ทราบปริมาณ 

          แต่เอ...ดูเหมือนว่าคนไทยจะทานน้ำตาลกันมากถึงวันละ 25 ช้อนชา
 ซึ่งน้ำตาลเหล่านี้ที่ทำให้เราอ้วน ไม่ใช่ว่าเราตั้งใจจะทานเข้าปากโดยตลอดหรอกนะจ๊ะ แต่เพราะมันซุกซ่อนอยู่ในส่วนผสมอาหารหลายชนิด รวมทั้งที่คาดไม่ถึงอย่าง "เครื่องดื่ม" ที่เราดื่มกันเข้าไปด้วย 

          ทั้งนี้ จากข้อมูลของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่นำเสนอในรายการ "Fat Fact ความจริงรอบพุง" ทางช่องไทยพีบีเอส ได้บอกให้เรารู้ว่า "เครื่องดื่ม" ที่วางขายอยู่ในท้องตลาดมี "น้ำตาล" เป็นส่วนผสมในปริมาณมหาศาลอย่างน่าตกใจ และมากเพียงพอที่จะทำให้โรคร้ายย่างกรายมาทำร้ายสุขภาพของเราซะด้วย

          ....เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เห็นทีจะต้องไปสำรวจดูปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ กันดูเสียหน่อย จะได้รู้กันไปเลยว่า เครื่องดื่มชนิดไหนน่ากลัวสุด ๆ ขอบอกก่อนว่า เครื่องดื่มหลายชนิด ดื่มเพียงแค่ 1 แก้ว 1 ขวด หรือ 1 กล่อง ก็มีน้ำตาลเกิน 4-6 ช้อนชา ซึ่งเป็นปริมาณต่ำสุดที่แนะนำให้ทานในหนึ่งวันซะแล้ว แล้วแบบนี้ถ้าเกิดเผาผลาญไม่หมด น้ำตาลจะถูกเปลี่ยนรูปไปเป็นไขมัน แล้วจะไม่ให้อ้วนได้อย่างไรล่ะ?

สำรวจปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ 
           กาแฟ 3 in 1 1 ซองเล็ก มีน้ำตาลผสมอยู่ 2.7 ช้อนชา

           กาแฟสด 1 แก้ว มีน้ำตาลผสมอยู่ 7 ช้อนชา

           น้ำผักและผลไม้ 1 ขวด (300 มิลลิลิตร) มีน้ำตาลผสมอยู่ 37 กรัม หรือ 7.7 ช้อนชา

           น้ำผลไม้ผสม 1 ขวด (400 มิลลิลิตร) มีน้ำตาลผสมอยู่ 10 ช้อนชา 

           น้ำอัดลม 1 กระป๋อง (325 มิลลิลิตร) มีน้ำตาลผสมอยู่ 8 ช้อนชา

           เครื่องดื่มชูกำลัง 1 ขวด (100 มิลลิลิตร) มีน้ำตาลผสมอยู่ 6.25 ช้อนชา

           เครื่องดื่มเสริมหล่อ 1 ขวด (450 มิลลิลิตร) มีน้ำตาลผสมอยู่ 44 กรัม หรือ 11 ช้อนชา

           เครื่องดื่มเพิ่มสวย 1 ขวด (360 มิลลิลิตร) มีน้ำตาลผสมอยู่ 26 กรัม หรือ 6.5 ช้อนชา

           นมเปรี้ยว 1 ขวดเล็ก (80 มิลลิลิตร) มีน้ำตาลผสมอยู่ 3.6 ช้อนชา

           ชาเขียว 1 กล่อง (250 มิลลิลิตร) มีน้ำตาลผสมอยู่ 3.72-7.65 ช้อนชา  

           นมรสหวาน 1 กล่อง (250 มิลลิลิตร) มีน้ำตาลผสมอยู่ 1.8-2 ช้อนชา  

           นมรสช็อกโกแลต 1 กล่อง (250 มิลลิลิตร) มีน้ำตาลผสมอยู่ 3-4 ช้อนชา

เห็นตัวเลขปริมาณน้ำตาลแบบนี้แล้ว แต่หลายคนอาจยัง (แอบ) สงสัย ว่า เอ...ก็ไม่เห็นฉลากข้างขวดเขียนบอกเลยนี่น่าว่ามี "น้ำตาล" ผสมอยู่มากขนาดนี้ เอ้า...ลองสังเกตดูดี ๆ ก่อนค่ะ ผู้ผลิตเครื่องดื่มส่วนใหญ่เขาจะไม่ใช้คำว่า "น้ำตาล" หรอกนะ แต่จะใช้คำว่า "ซูโครส" หรือ "ฟรุกโตส" ที่ก็คือน้ำตาลอีกชนิดหนึ่งนั่นเอง 


          โดยเฉพาะ "ฟรุกโตส" ที่เป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะมีราคาถูก แถมยังให้ความหวานถึงใจ แต่โรคร้ายก็ตามมาถึงที่เช่นกัน ดังที่งานวิจัยในต่างประเทศหลายชิ้นได้ยืนยันว่า น้ำตาลฟรุกโตสมีผลทำให้ความจำสั้น ทำให้การเรียนรู้ต่ำ แถมขัดขวางไม่ให้ร่างกายส่งสัญญาณอิ่มไปยังสมอง ซึ่งก็จะทำให้เรายิ่งทานอาหารมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว หรือก็คือทำให้อ้วนขึ้นไงล่ะ

อย่าลืมแชร์ต่อบอกต่อให้เพื่อๆหรือคนที่คุณรักรู้ต่อๆกันด้วยเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของทุกคน
ด้วยความห่วงใยจาก Balance





         

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

5 วิธีลดน้ำหนักสำหรับเบื้องต้น

สำหรับมือใหม่แล้วก็ การลดน้ำหนักด้วยเทคนิคต่างๆนานา อาจเป็นเรื่องยุ่งยาก โหดร้าย ทำลายความรู้สึก เพราะยังคงติดการใช้ชีวิตแบบเดิมๆอยู่ ทาง Balance จึงได้รวบรวมเทคนิคขั้นพื้นฐานของการลดน้ำหนักสำหรับผู้เริ่มต้นลดน้ำหนักมาให้ใช้กันค่ะ
เมื่อรู้แล้วว่าอ้วน เสื้อผ้าคับ เดินไม่สบาย หอบง่าย หายใจไม่ทั่วท้อง หน้าบาน แก้มห้อย เพื่อนแซว แฟนทิ้ง แม่บ่น ต่างๆนานาที่เป็นสัญญาณเตือนว่าเราอ้วนจนเกินจะเยียวยา เพราะสุขภาพเริ่มแย่ทำอะไรๆก็ไม่สะดวก ก่อนจะเริ่มวิธีการต่างๆนั้นเราควรเริ่มที่การตั้งใจมุ่งมั่นอย่างจริงจังเสียก่อน ทำความเข้าใจก่อนว่าการจะลดนั้นต้องอาศัยเวลา ความเข้าใจ ไม่ใช่แค่ความอดทนเพียงอย่างเดียว เมื่อมุ่งมั่นแล้วจงทำให้สุดความสามารถแล้วเริ่มปฏิบัติดังนี้

1. คำนวน ชั่งน้ำหนัก วัดสัดส่วน และ จดบันทึก

ก่อนอื่นเราเราต้องรู้ตัวก่อนว่าเราอ้วนแค่ไหน โดยการชั่งน้ำหนัก หรือ วัดรอบเอว ขนาดรอบเอว(ระดับสะดือ)โดยค่าจะต้องไม่เกิน ส่วนสูงของเรา หารด้วย 2 ถ้าเกินนั้นหมายถึงคุณอ้วนลงพุงแล้ว หรือจะดูจากว่าเราเป็นเพศอะไร มีกิจกรรมการทำงานอย่างไร ต้องใช้พลังงานต่อวันเท่าไหร่ โดยมากค่าเฉลี่ยของชายจะใช้พลังงานอยู่ที่ไม่เกิน 2000 kcal ต่อวัน และผู้หญิงจะใช้ไม่เกิน 1600kcal ต่อวัน และผู้ใช้แรงงานอยู่ที่ 2400 kcal ต่อวัน หรือวัดสัดส่วนของร่างกายที่ตำแหน่ง รอบอก รอบเอว รอบสะโพก รอบต้นแขน และ รอบต้นขา จดบันทึก รายละเอียดต่างๆตอนเริ่มต้นไว้

2. ตัดอาหารที่ไม่จำเป็นกับเราเสียก่อน

อาหารที่จำเป็นกับเราคืออาหารหลักที่จำเป็นต่อการดำรงค์ชีวิต สมัยโบราณแต่เก่าก่อน เราทานข้าวทานอาหารกันเป็นมื้อๆ ไม่มีของว่างจุบจิบระหว่างมื้อ แต่ในปัจจุบันคนมักทานเพื่อความบันเทิงกันมาก มากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการจึงทำให้คนมีภาวะโรคอ้วนเฉลี่ยสูงขึ้นทุกๆปี จึงแนะนำให้ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกเสียก่อน เช่น ของว่างระหว่างวัน เครื่องดื่ม ของขบเคี้ยวจุบจิบ ของหวานล้างปาก ของกินฆ่าเวลา เพราะความจริงแล้วเมื่อเราตัดหรือลดมื้อย่อยๆเหล่านี้ได้ เราอาจสามารถลดพลังงานที่เหลือใช้ลงได้ถึงวันนึงอย่างน้อย 400 – 500 kcal เลยทีเดียว

3. หลีกเลี่ยง ของทอด ของหวาน ของมัน ของเค็ม

เมื่อเราตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกได้ซักระยะนึงจนรู้สึกมั่นใจกับการลดน้ำหนักได้แล้ว จึงเริ่มสังเกตุและปรับแก้ที่อาหารหลัก ตรวจเช็คอาหารหลักของเราว่าปรุงด้วยวิธีใด พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยการทอด ผัดน้ำมันเยอะ หรืออาหารอบที่ใช้ นม เนย สูงๆ หันมารับประทานอาหารที่ปรุงด้วยการ ต้ม นึ่ง เผา ย่าง และตรวจเช็คว่า สิ่งเราทานนั้นมีรสจัดเกินไปหรือไม่ เพราะอาหารรสจัด ก็มีผลกับน้ำหนักตัวเช่นกัน โดย ลดปริมาณความหวานจากน้ำตาล และ ความเค็มจากซอสต่างๆลง

4. ออกแรง ออกกำลังกาย ขยับตัวให้มาก

อย่าเข้าใจผิดว่าการออกกำลังกายนั้นจำเป็นจะต้องไปออกที่สนาม ออกไปวิ่ง ไปฟิตเนสเพียงอย่างเดียว แต่การออกกำลังกายนั้นสามารถทำได้ ทุกที่ทุกเวลา เพียงเราใช้การขยับตัวให้มากขึ้น เดินไปไหนมาไหน ทำกิจกรรมต่าง แทนการนั่ง-นอนเฉยๆอยู่กับบ้าน ทุกๆกิจกรรมก็สามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานได้หมด (วิธีการออกกำลังกายเพื่อนการลดน้ำหนัก) สำหรับคนที่จะจริงจังด้านการออกกำลังกายควรเริ่มทำทีละน้อยตามสภาพร่างกาย อย่าหักโหม ค่อยเป็นค่อยไป โดยคิดถึงหลักการคล่าวๆคือ ถ้าออกแรงน้อยให้ใช้เวลานานหน่อย แต่ถ้าออกแรงมากก็ ขอเป็น 40 นาที นาทีที่ 41 เป็นต้นไปถือเป็นกำไร  ทำไมต้อง 40 นาที

5. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์

เมื่อลดของที่ไม่จำเป็น ลดแหล่งความอ้วนได้แล้ว เราควรเพิ่มของที่ประโยชน์แก่ร่างกายเข้ามาแทน ทานผัก ทานผลไม้ เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ นม ข้าวแป้งไม่ขัดสีให้มากขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นขุมพลังงานสะอาดและสารอาหารที่มีประโยชน์ ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทานเท่าไหร่ถึงพอดี อย่าอดหรือข้ามมื้อ หรือตัดสิ่งใดสิ่งนึงไปเลย แต่ควรเลือกทานในปริมาณที่เหมาะสมจะดีกว่า เพื่อลดอาการเครียด ถ้าอยากก็จงทานอย่างมีสติแล้วกลับมาควบคุมตามแผนอย่างเดิม เพราะการทานมื้อใหญ่เพียงมื้อเดียวไม่ได้ทำให้อ้วนขึ้นอย่างแน่นอน

เมื่อทำตามที่กล่าวไปแล้วน้ำหนักจะลดลงอย่างช้าๆ เพราะนั้นคือการปรับสมดุลให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี อย่าคาดหวังตัวเลขบนตราชั่งมากนัก ระหว่างทางอาจมีบ้างที่น้ำหนักจะนิ่ง แต่อย่ากังวล ให้เราใช้การวัดสัดส่วน สำรวจรูปร่างตัวเอง จากเสื้อผ้าจากคนรอบข้าง เพราะสิ่งที่เรากำลังทำต้องใช้เวลา เรากำลังเปลี่ยนแปลงพฤิกรรม ต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่าเปรียบเทียบกะใคร เราแข่งกับตัวเอง เพื่อให้ใด้สุขภาพที่ดี ขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง หรือกลับมาทบทวนว่าเราขาดหรือหลุดในจุดไหนไปก็ปรับแก้ไป และผลสำเร็จที่ได้มานั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขบนตราชั่งเท่านั้น แต่มันจะเห็นผลชัดเจนที่เรามีสุขภาพที่ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ฟิตขึ้น และมีรูปร่างที่ดีเป็นของแถม 
แต่ถ้าได้ลองทำทั้งหมดนี้แล้วยังไม่เห็นผล Balance ขอเป็นคำตอบให้กับคุณ เพราะ BALANCE เป็นแบรนด์แรกในเมืองไทย ที่ใช้นวัตกรรมนำเข้าจาก Switzerland เป็นนวัตกรรมใหม่แห่งการลดน้ำหนักที่ไม่โยโย่ โดยมีอาหารเสริม 2 ตัวทำงานคู่กัน BALANCE D จะทำหน้าที่ล้างสารพิษในร่างกายให้สะอาด แล้วลำไส้จะเกิดการดูดซึมได้ดี ทำให้เห็นผลได้ไวมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยทำให้นอนหลับสบาย        BALANCE S  จะเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดี เพียงแค่ถ้ารับประทานอย่างต่อเนื่อง ภายใน1 สัปดาห์ สามารถ ลดน้ำหนักได้มากถึง 3-7 กิโลกรัมเลยทีเดียว
สนใจสั่งซื้อสินค้าหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก>> ที่นี่ <<ได้เลย


กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด

กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด ทำตามแล้วเห็นผลสุดๆ


เพราะคนเรามีกรุ๊ปเลือดทีต่างกัน และหากเรารับประทานอาหารให้ตรงตามแต่ละกรุ๊ปเลือด ก็เท่ากับ
-  การลดน้าหนัก
 -  เพิ่มพละกำลัง
 -  ทำให้ไม่แก่เร็ว
 -  การเสริมสร้างความสมดุลที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้แก่
     ภูมิต้านทานของเรา, ระบบย่อย



กรุ๊ป O มักจะมีกรดในกระเพาะอาหารสูงกว่าเลือดกรุ๊ปอื่นๆ จึงทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้ง่ายกว่าปกติ ยิ่งถ้ารับประทานอาหารไม่ตรงเวลาหรืออดข้าว อาจทำให้เกิดโรคกระเพาะและเป็นแผลในกระเพาะอาหาร

การทานอาหารที่เหมาะสม
กรุ๊ป O สามารถย่อยอาหารประเภทเนื้อสัตว์ได้ดีกว่ากรุ๊ปอื่นๆ จึงเหมาะกับการรับประทานเนื้อสัตว์ ทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อแกะ รวมถึงเครื่องในอย่างตับและหัวใจ ส่วนอาหารประเภทผักที่เหมาะคือ บล็อกโคลี่ คะน้า หัวหอม กระเทียม ฟักทอง และมะเขือ ผลไม้ที่ไม่ควรพลาดคือกล้วย บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่ มะม่วง และลูกพรุน


อาหารควรหลีกเลี่ยง 
คือมันฝรั่ง ข้าวโพด ไม่ควรรับประทานอาหารจำพวกนมและไข่ เพราะจะทำให้ระบบการย่อยอาหารมีปัญหา นอกจากนี้ยังไม่เหมาะกับการรับประทานข้าวสาลี ขนมปัง พืชตระกูลถั่ว กะหล่ำปลี เห็ด และผักกาดขาว

ควรออกกำลังกายแบบไหนดี

สำหรับสาวกรุ๊ป O จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของกระเพาะอาหาร โดยลองว่ายน้ำ 30-45 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง หรือจ็อกกิ้ง และเต้นแอโรบิค ครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง 


คำแนะนำ
- ควรเคี้ยวอาหารช้าๆ เพราะหากเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก
   มากเกินไป
- ไม่ควรอดอาหาร ควรรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ป้องกันการเป็นโรคกระเพาะอาหาร
- สาวกรุ๊ป O ควรออกกำลังกายจำพวกแอโรบิคอย่างน้อย 4 ครั้งต่อสัปดาห์
-  สาวกรุ๊ป O มักเครียดง่าย เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตัวเองต้องเครียด



กรุ๊ปเลือด A : จัดเป็นพวกมังสวิรัติ (Vegetarian Diet)

คนกรุ๊ปเลือดเอมีน้าย่อยในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดต่ำ ทำให้ไม่เหมาะกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดง เพราะจะย่อยได้ยาก และเป็นเหตุให้เกิดสารท็อกซินขึ้นในร่างกาย ควรหันมารับประทานเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อปลาและเนื้อไก่แทน แต่ควรเลี่ยงปลาเนื้อขาว เช่น ปลาตาเดียวและประจาระเม็ดเพราะมี เลคตินที่รบกวนระบบย่อยของกรุ๊ป A

ที่น่าจะระวังเป็นพิเศษ คือ อาหารสำเร็จรูปประเภทไส้กรอกหรือแฮมเพราะมีสารประกอบไนเตรทอยู่มาก สามารถกระตุ้นการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารซึ่งมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ รวมทั้งเพิ่มการรับประทาน วิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานที่ดีของระบบภูมิคุ้มกันและยังช่วยลดปัญหาเรื่องของกรดในกระเพาะอาหารต่ำอีกด้วย

อาหารที่ควรรับประทาน

ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ถั่วลิสงจะดีมาก เพราะมีเลคตินที่ต่อต้านมะเร็ง

ผักผลไม้ที่ดี ได้แก่ หอมใหญ่และบร๊อคโคลี่ มีสารแอนตี้อ็อกซิเด้นท์สูง แครอท ฟักทอง ผักโขมและกระเทียม ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน สับปะรด ส้มโอและมะนาวมีกรดที่ช่วยย่อยและเพิ่มการทำงานของ ลำไส้เล็ก

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เพราะจะทำให้ย่อยยากและเกิดการสะสมของไขมัน อาจทำให้เป็นโรคหัวใจและมะเร็ง ควรหันมารับประทานเนื้อไก่และเนื้อปลาแทน

ผลิตภัณฑ์นมวัว และเนย ซึ่งจะชะลอระบบเผาผลาญอาหารและเกิดเสมหะเพิ่มขึ้น

อาหารประเภทดองและอาหารสำเร็จรูป เช่น ไส้กรอกและแฮม เพราะมีไนไตรท์ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารได้ง่ายสำหรับคนกรุ๊ปเลือดเอที่มีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ

ผักผลไม้ ได้แก่ มะเขือเทศ ส้ม แตงโม แคนตาลูป เพราะจะทำให้ย่อยยาก

เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมและเบียร์

กรุ๊ป B จะเป็นคนที่อ้วนง่ายแต่ก็ผอมง่าย และยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานได้มากกว่าคนเลือดกรุ๊ปอื่น กรุ๊ป Bเป็นกรุ๊ปที่มีระบบย่อยอาหารดี มักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องท้องอืดท้องเฟ้อ เพราะเป็นกรุ๊ปที่มีฮอร์โมนคอร์ติซอลมากอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสาวกรุ๊ป  B ต้องระมัดระวังเรื่องความเครียด เพราะความเครียดจะทำให้สุขภาพของสาวกรุ๊ป B ย่ำแย่ลง

การทานอาหารที่เหมาะสม
กรุ๊ป B เหมาะกับการรับประทานอาหารจำพวกนมและไข่มากที่สุด โดยเฉพาะโยเกิร์ต นม และชีส ส่วนอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เหมาะกับเนื้อแกะและอาหารทะเล อย่างหอยเชลล์ ปลาทู ปลากระพงแดง ปลาทูน่า และปลาแซลม่อน

อาหารที่ควรรับประทาน

อาหารจำพวกนมเนยไข่ ให้ประโยชน์อย่างมากต่อกรุ๊ปเลือดบี

เนื้อแกะ ไก่งวงและกระต่าย และปลาน้ำลึก เช่น ปลาหิมะ ปลาจาระเม็ด

ผัก ผลไม้ให้ผลดีเกือบทุกชนิด ควรรับประทานมากผักมากๆ เพื่อป้องกันโรคที่มาจากเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นง่ายในคนกรุ๊ปเลือดบี
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

เนื้อหมู และเนื้อไก่ ซึ่งจะรบกวนระบบเลือดที่อาจจะนำไปสู่อาการทางสมองและโรคข้อเสื่อม

ถั่วต่างๆ ไม่ดีต่อคนกรุ๊ปเลือดบี โดยเฉพาะถั่วลิสงและงา ซึ่งจะรบกวนระบบอินซูลิน ที่จะทำให้เกิดการลดน้ำตาลในเลือดเฉียบพลัน

อาหารทุกชนิดที่ทำจากแป้งสาลี ข้าวโพด ซึ่งมีผลต่อระบบเผาผลาญอาหารและจะทำให้น้ำหนักเพิ่ม ควรรับประทานข้าวเจ้าและเบเกอรี่ที่ทำจากแป้งสเปลท์แทน

ผัก ผลไม้ ที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัด ได้แก่ มะเขือเทศ ข้าวโพด มีมีผลต่อกระเพาะอาหารและระบบการย่อยอาหารและการลดน้ำตาลในเลือดเฉียบพลัน


คนกรุ๊ปเลือด ABจัดเป็นพวกลูกผสมของกรุ๊ปเอและบี


คนกรุ๊ปเลือดเอบีนั้น มีลักษณะการรับประทานอาหารให้เหมาะสมค่อนข้างซับซ้อน เพราะเป็นส่วนผสมของลักษณะเลือดจากกรุ๊ปเอและกรุ๊ปบี ซึ่งนั่นหมายถึงอาหารที่ส่งผลดีต่อร่างกายของคนเลือดกรุ๊ปเอและอาหารที่ส่งผลดีต่อร่างกายคนเลือดกรุ๊ปบี ก็จะส่งผลดีต่อร่างกายคนเลือดกรุ๊ปเอบีด้วย

แหล่งโปรตีนที่เหมาะสมได้แก่ อาหารทะเล (ยกเว้นปลาเนื้อขาวแลแซลมอนรมควัน) เต้าหู้ เนื้อแดง บางชนิด เช่น เนื้อแกะ และกระต่าย แต่ควรรับประทานในปริมาณที่ไม่มากนักในแต่ครั้งครั้ง จึงจะย่อยได้ดี ที่สำคัญ คือ ควรรับประทานผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายในแง่ป้องกันมะเร็ง คนกรุ๊ปเอบีควรหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปประเภทไส้กรอกและแฮมซึ่งมีสารประกอบไนเตรต์เช่นเดียวกับคนกรุ๊ปเลือดเอ

อาหารที่ควรรับประทาน

ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองและเต้าหู้ และอาหารจำพวกนมเนยไข่ แต่ทานได้ไม่มากนัก

อาหารทะเล เนื้อแกะ กวาง กระต่าย และไก่งวงในปริมาณน้อยๆ ในแต่ละครั้ง เพราะร่างกายผลิตน้ำย่อยไม่เพียงพอในการย่อยโปรตีนที่มากเกินไป

ผักสด มีประโยชน์มากๆ เพราะเป็นอาหารสำคัญที่สามารถป้องกันมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายในคนกรุ๊ปเลือดเอบี

ผลไม้ที่มีไวตามินสูง เช่น ส้มโอ เชอร์รี่ สับปะรด จะช่วยต้านมะเร็งและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหัวใจ
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

เนื้อวัวเนื้อหมูและปลาแซลมอนรมควัน เพราะย่อยยากและเป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร

ถั่งแดง งา เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน ข้างโพด ชะลอการทำงานของอินซูลิน อาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงอย่างเฉียบพลัน

อาหารประเภทดองและอาหารสำเร็จรูป เช่นไส้กรอดและแฮม เพราะอาจทำให้เป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร