วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อาหาร 7 ขนิด ที่ควรเลี่ยงสำหรับคนที่อยากจะลดน้ำหนัก

อาหารที่แป่ะป้ายว่าเป็น "อาหารสุขภาพ" หรือ " ไขมันต่ำ " ใช่ว่าจะให้คุณประโยชน์ตามที่อวดอ้างเสมอไป
ใช่แล้วครับอาหารที่เราเห็นตามป้ายที่บอกว่า น้ำตาลต่ำ ไขมันน้อย ไม่ได้แปลว่าจะดีกับการกินลดน้ำหนักเสมอไป แล้วอาหาร 15 ขนิดที่ว่านี้มีอะไรบ้างมาลองดูกันเลยดีกว่า

1.ซอสถั่วเหลือง

แม้ว่าซอสถั่วเหลืองจะมีปริมาณแคลลอรี่และให้พลังงานต่ำ แต่ด้วยเพราะปริมาณโซเดียมที่สูงลิ่วนั้นอาจทำให้เราอ้วนได้แบบไม่รู้ตัว รวมถึงยังรวมเป็นโรคความดันโลหิตสูงซะด้วย ถึงปัจจุบันนี้เราจะซอสถั่วเหลืองแบบโซเดียมต่ำแต่ก็มีโซเดียมน้อยกว่าปรกติแค่นิดเดียวเท่านั้น เฉพาะฉะนั้นกินได้ครับแต่ควรกินแต่พอดี อย่าใส่หนักมือเกินล่ะ

2.ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำตาล

ถึงแม้พวกการกินพวกซูก้าฟรีทั้งหลายจะมีปริมาณแคลอรีที่ต่ำก็จริง แต่การบริโภคผลิตภัณฑ์ปลอดน้ำตาลมาก ๆนั้นอาจเพิ่มระดับอินซูลินในร่างกายของเราแบบไม่รู้ตัว เพราะผลิตภัณฑ์พวกนี้มักมีส่วนผสมของสารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ยังไงใครที่ชอบคิดว่ากินพวกซูก้าฟรีพวกนี้แล้วคิดว่าไม่อ้วนต้องอาจต้องลองพิจราณากันดูใหม่นะครับ

3.นมสด


นมสดนั้นดีต่อร่างกายแน่นอนครับ แต่การที่เรากินอะไรมากเกินไปย่อมไม่ดีต่อสุขภาพแน่นอน เพราะในนมสดนั้นเต็มไปไขมันส่วนเกินและคอเลสตอรอล ลองสลับไปกินอาหารที่หลากหลายบ้างนะครับ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องคอเลสตอรอลที่สูงเกินไป

4.ข้าวโพดคั่วจากไมโครเวฟ


ข้าวโพดคั่วจัดเป็นอาหารว่างที่ดีอีกอย่างหนึ่ง เพราะมีปริมาณแคลอรีต่ำ แต่ต้องไม่ใช่ประเภทที่บรรจุมาในห่อที่เต็มไปด้วยสารเติมแต่งนะครับ
เพราะสนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมหรือ ( อีพีเอ ) ได้ให้ขอมูลว่าพวกสารเคมีที่พบในบรรจุภัณฑ์ของข้าวโพดคั่วอบไมโครเวฟนั้น เพิ่มอัตตราการเสี่ยงเป็นหมันและปัญหาต่อมไทรอยด์ซะด้วย แต่ข้าวโพดคั่วตามหน้าโรงหนังกินแล้วคงไม่ผอมแน่ๆเพราะใส่โซเดียมเยอะเหลือเกิน

5.น้ำผลไม้ ( ที่อยู่ในกล่องเครื่องดื่มต่างๆ )


หลายๆคนคงชอบแน่นอนพวกน้ำผลไม้พร้อมดื่มทั้งหลาย เพราะหาซื้อกินง่ายและสะดวกไม่ต้องเสียเวลาปั่นกินเอง แต่จริงๆแล้วมันเป็นอาหารผ่านกระบวนการขั้นตอนการแปรรูปมาแล้วหลายขั้นตอนจนแทบไม่เหลือคุณประโยชน์เลยแถมยังมีน้ำตาลสูงอีกต่างหาก ยังไงเลือกกินผลไม้เลยจะดีกว่านะครับเพราะได้น้ำตาลจากธรรมชาติได้วิตามินเต็ม 100 % แถมยังมีกากใยอีกด้วย

6.องุ่น


องุ่นนั้นเป็นผลไม้ที่กินง่ายและดีต่อสุขภาพแถมอร่อยซะด้วย แต่จริงๆแล้ว องุ่น เป็นผลไม้ที่น้ำตาลนั้นสูงมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดความอยากกินของหวานอื่นๆเพิ่มอีก ข้อแนะนำคือให้ใส่องุ่นลงไปกับสลัดผักผลไม้ต่างๆด้วยจะดีกว่า

7.อาหาร ไขมันต่ำ

การที่เรากินอาหารประเภทนี้มากเเกินไปอาจก่อให้เกิดการเสี่ยงของการกินแต่อาหารไขมันต่ำโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะมันช่วยทำให้เราคิดว่าเราไม่ได้กินอาหารแคลลอรี่มากนักในแต่ละมื้อ จริงๆแล้วในขั้นตอนการผลิตอาหารประเภทนี้มักใส่สารเคมีตัวอื่นเข้าไปแทนวัตถุดิบจากธรรมชาติ เพื่อให้กลายเป็นอาหารไขมันต่ำนั้นเอง

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

5 อาหารชั้นยอดที่ช่วยระบบเผาพลาญ

รู้หรือเปล่า ? ว่าการออกกำลังกายนั้นช่วยลดในเรื่องน้ำหนักแค่ 20% ส่วนอีก 80% นั้นคือการกิน หลายคนคงเคยเจอปัญหาทำไมฉันออกกำลังมากขนาดนี้ถึงไม่ผอมซักที ( บางคนยิ่งออกกำลังเยอะยิ่งกินเยอะแทนที่น้ำหนักจะลดดันขึ้นซะงั้น ) ถ้างั้นเรามาดูกันดีกว่า อาหาร 5 อย่าง ที่ช่วยระบบเผาพลาญในร่างกายมีอะไรบ้าง

1. เมล็ดธัญพืชต่างๆ
 
เมล็ดธัญพืชทั้งหลายและข้าวไม่ขัดสีเช่น ไรซ์เบอรี่และข้าวกล้อง ต่างอุดมไปวิตามินและโปรตีนที่มีประโยชน์กับร่างกายแถมธัญพืชทั้งหลายยังกินแทนขนมจุกจิกได้ไม่อ้วนอีกด้วยใครที่ชอบกินขนมคบเขี้ยวลองหันมากินเมล็ดธัญพืชกันดูนะจ๊ะเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า

2. เนื้อสัตว์ เนื้อแดง ไม่ติดมัน

                             
โปรตีนจากเนื้อสัตว์มี Themogenic สูง คุณต้องใช้พลังงานในการย่อยอาหารเหล่านี้ประมาณ 30 % ของอาหารที่กินไปเลยทีเดียว ( เช่น อกไก่มีพลังงาน 300 แคลเลอรี่ร่างกายต้องใช้พลังงานถึง 90 แคลเลอรี่ในการย่อยไก่ชิ้นนี้เลยทีเดียว )

3.ผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำ
ผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำเหล่านี้ล้วนมีแคลเซี่ยมและวิตามินดีสูง ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและที่สำคัญช่วยระบบเผาพลาญในราสงกายเป็นอย่างดี

4.ชาเขียว
จากรายงานของ American Journal of Clinical Nutrition การดื่มชาเขียววันละ 4 แก้ว( ต้องชาเขียวไม่ผสมน้ำตาลนะจ๊ะ ) ช่วยลดน้ำหนักได้ถึง 2.5 กิโล ใน 8 อาทิตย์ เพราะในชาเขียวมีสารช่วยกระตุ้นระบบเผาพลาญได้เป็นอย่างดี รู้แบบนี้แล้วอย่าลืมมีชาเขียวติดไว้ในตู้เย็นกันละ

5.พริก

แคปไซซิลในพริกช่วยทำให้ร่างกายร้อนขึ้นและช่วยเพิ่มระบบเผาพลาญ คราวหน้าก่อนกินอาหารอะไรอย่าลืมใส่พริกเข้าไปด้วยนะจ๊ะ นอกจากจะช่วยเพิ่มรสชาตอาหารแล้วยังช่วยระบบเผาพลาญอีกด้วยนะ

อาทิตย์หน้าจะมีข้อมูลดีๆอะไรเกี่ยวกับสุขภาพอีกคอยติดตามกันนะจ๊ะ